จากการที่่ท่านอาจารย์ให้ศึกษา Review 5 Model ในเรื่องของ Marketing Planning and Strategy
เรื่องที่ 5 Marketing Strategy: An Assessment of the State of the Field and Outlook
ผู่้แต่ง p. Rajan Varadarajan and Satish Jayachandran
วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
โมเดลที่ 4 Marketing Implementation: The Implications of Marketing Paradigm Weakness for the Strategy Execution Process
จากการที่่ท่านอาจารย์ให้ศึกษา Review 5 Model ในเรื่องของ Marketing Planning and Strategy
เรื่องที่ 4 Marketing Implementation: The Implications of Marketing Paradigm Weakness for the Strategy
Execution Process
ผู่้แต่ง Nigel F. Piercy
เรื่องที่ 4 Marketing Implementation: The Implications of Marketing Paradigm Weakness for the Strategy
Execution Process
ผู่้แต่ง Nigel F. Piercy
โมเดลที่ 3 Using a Customer-Level Marketing Strategy to Enhance Firm Performance: A Review of Theoretical and Empirical Evideence
จากการที่่ท่านอาจารย์ให้ศึกษา Review 5 Model ในเรื่องของ Marketing Planning and Strategy
เรื่องที่ 3 Using a Customer-Level Marketing Strategy to Enhance Firm Performance: A Review of
Theoretical and Empirical Evideenc
ผู่้แต่ง V.Kumar and J.Andrew Petersen
เรื่องที่ 3 Using a Customer-Level Marketing Strategy to Enhance Firm Performance: A Review of
Theoretical and Empirical Evideenc
ผู่้แต่ง V.Kumar and J.Andrew Petersen
โมเดลที่ 2 Green Marketing Strategies: an examination of stakeholders and the opportunities they present
จากการที่่ท่านอาจารย์ให้ศึกษา Review 5 Model ในเรื่องของ Marketing Planning and Strategy
เรื่องที่ 2 Green Marketing Strategies: an examination of stakeholders and the opportunities they present
ผู่้แต่ง J.Joseph Cronin, Jr Jeffery S.Smith , Mark R.Glei , Edward Ramirez, Jennifer Dawn Martines
เรื่องที่ 2 Green Marketing Strategies: an examination of stakeholders and the opportunities they present
ผู่้แต่ง J.Joseph Cronin, Jr Jeffery S.Smith , Mark R.Glei , Edward Ramirez, Jennifer Dawn Martines
โมเดลที่1 Marketing Strategy and the Internet:An Organizing Framework
จากการที่่ท่านอาจารย์ให้ศึกษา Review 5 Model ในเรื่องของ Marketing Planning and Strategy
เรื่องที่ 1 Marketing Strategy and the Internet: An Organizing Framework
ผู่้แต่ง P.Rajan Varadarajan and Manjit S. Yadav
เรื่องที่ 1 Marketing Strategy and the Internet: An Organizing Framework
ผู่้แต่ง P.Rajan Varadarajan and Manjit S. Yadav
New Product Planning โดยละเอียด
การวางแผนผลิตภัณฑ์ใหม่ (New Product Planning) โดยละเอียด
การวางแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่
บริษัทส่วนใหญ่จะมุ่งพัฒนาลิตภัณฑ์ใหม่
เพื่อต้องการรักษาสถานภาพทางการเงินในระยะยาว
ทำให้บริษัทต้องมีการคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ขึ้นมาตลอดเวลา
แต่ผลิตภัณฑ์ที่คิดค้นนั้นก็มาพร้อมกับต้นทุนและ
ความเสี่ยงที่สูงขึ้น
ความเสี่ยงนั้นสามารถควบคุมได้โดยการใช้เครื่องมือหรือโปรแกรมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่
โดยโปรแกรมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ มีดังนี้
1.การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างมีประสิทธิภาพ
2.ทีมงาน จะต้องมีความชำนาญ
3.มีเงินทุนในการทำการวิจัยทางการตลาด
4.มีการวางแผนการขายและการพยากรณ์ยอดขายที่ชัดเจน
ชนิดของผลิตภัณฑ์ใหม่ (Types of New
Product Situations)
ผลิตภัณฑ์ใหม่ (Product
Newness) แบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด
1.ผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ (New
Product Innovation)
2.ผลิตภัณฑ์ยี่ห้อใหม่ (New
Brand)
3.ผลิตภัณฑ์ที่เป็นรูปแบบใหม่
(New Model) เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีบรรจุภัณฑ์ใหม่
The Adoption Process for New Products
ทฤษฎีความหลากหลายของนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ได้มีการพูดถึงไม่ว่าจะเป็นนักสังคมวิทยา
นักเศรษฐศาสตร์ และนักการตลาด เช่น Rogers
ได้มีการศึกษาและรวบรวมข้อมูลแนวคิดและผลิตภัณฑ์ใหม่มากกว่า 3,000 กรณีศึกษา
Aggregate Diffusion Models : Model of First
Purchase
แบบจำลองการซื้อครั้งแรก
เป็นแบบจำลองเพื่อใช้ในการพยากรณ์ยอดขาย เพื่อช่วยลดความเสี่ยงและต้นทุนของผลิตภัณฑ์
ซึ่งได้มีการกล่าวถึงแบบจำลองของหลายท่าน โดยแบบจำลองของแต่ละแบบจำลองมีการแทนค่าตัวแปรในการลดความเสี่ยงและต้นทุนผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกัน
ซึ่งผู้เขียนะยกตัวอย่างแบบจำลองของ Horsky-Simon (1983)
Model.
การซื้อซ้ำของผู้บริโภคสามารถอธิบายตามภาพที่
10.9 ตลาดที่ควบคุมได้เมื่อผู้บริโภคยังไม่รู้ตัวเมื่อมีการโฆษณา
การส่งเสริมการขาย และการแจกของตัวอย่าง
มำให้ผู้บริโภคเกิดความตะหนักในผลิตภัณฑ์นั้น ในการโฆษณาผลิตภัณฑ์
ความสัมพัธ์ด้านราคา การการกระจายผลิตภัณฑ์ การแจกของตัวอย่าง
ทำให้ผู้บริโภคได้ทดลองใช้
ทำให้เกิดการซื้อในครั้งแรกเกิดจากคุณภาพของผลิตภัณฑ์หรือการส่งมอบผลิตภัณฑ์
การซื้อผลิตภัณฑ์ในครั้งที่สอง ก็มีผลจากคุณภาพของผลิตภัณฑ์ การกระจายสินค้า และราคา
การวางแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่
บริษัทส่วนใหญ่จะมุ่งพัฒนาลิตภัณฑ์ใหม่
เพื่อต้องการรักษาสถานภาพทางการเงินในระยะยาว
ทำให้บริษัทต้องมีการคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ขึ้นมาตลอดเวลา
แต่ผลิตภัณฑ์ที่คิดค้นนั้นก็มาพร้อมกับต้นทุนและ
ความเสี่ยงที่สูงขึ้น
ความเสี่ยงนั้นสามารถควบคุมได้โดยการใช้เครื่องมือหรือโปรแกรมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่
โดยโปรแกรมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ มีดังนี้
1.การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างมีประสิทธิภาพ
2.ทีมงาน จะต้องมีความชำนาญ
3.มีเงินทุนในการทำการวิจัยทางการตลาด
4.มีการวางแผนการขายและการพยากรณ์ยอดขายที่ชัดเจน
ชนิดของผลิตภัณฑ์ใหม่ (Types of New
Product Situations)
ผลิตภัณฑ์ใหม่ (Product
Newness) แบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด
1.ผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ (New
Product Innovation)
2.ผลิตภัณฑ์ยี่ห้อใหม่ (New
Brand)
3.ผลิตภัณฑ์ที่เป็นรูปแบบใหม่
(New Model) เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีบรรจุภัณฑ์ใหม่
The Adoption Process for New Products
ทฤษฎีความหลากหลายของนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ได้มีการพูดถึงไม่ว่าจะเป็นนักสังคมวิทยา
นักเศรษฐศาสตร์ และนักการตลาด เช่น Rogers
ได้มีการศึกษาและรวบรวมข้อมูลแนวคิดและผลิตภัณฑ์ใหม่มากกว่า 3,000 กรณีศึกษา
Aggregate Diffusion Models : Model of First
Purchase
แบบจำลองการซื้อครั้งแรก
เป็นแบบจำลองเพื่อใช้ในการพยากรณ์ยอดขาย เพื่อช่วยลดความเสี่ยงและต้นทุนของผลิตภัณฑ์
ซึ่งได้มีการกล่าวถึงแบบจำลองของหลายท่าน โดยแบบจำลองของแต่ละแบบจำลองมีการแทนค่าตัวแปรในการลดความเสี่ยงและต้นทุนผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกัน
ซึ่งผู้เขียนะยกตัวอย่างแบบจำลองของ Horsky-Simon (1983)
Model.
Horsky-Simon (1983) Model
เป็นสมการพยากรณ์ยอดขายที่มีการใส่ตัวแปรด้านโฆษณาว่ามีผลกระทบกับยอดขายอย่างไร
Repeat-Purchase
Models for New Products
การซื้อซ้ำของผู้บริโภคสามารถอธิบายตามภาพที่
10.9 ตลาดที่ควบคุมได้เมื่อผู้บริโภคยังไม่รู้ตัวเมื่อมีการโฆษณา
การส่งเสริมการขาย และการแจกของตัวอย่าง
มำให้ผู้บริโภคเกิดความตะหนักในผลิตภัณฑ์นั้น ในการโฆษณาผลิตภัณฑ์
ความสัมพัธ์ด้านราคา การการกระจายผลิตภัณฑ์ การแจกของตัวอย่าง
ทำให้ผู้บริโภคได้ทดลองใช้
ทำให้เกิดการซื้อในครั้งแรกเกิดจากคุณภาพของผลิตภัณฑ์หรือการส่งมอบผลิตภัณฑ์
การซื้อผลิตภัณฑ์ในครั้งที่สอง ก็มีผลจากคุณภาพของผลิตภัณฑ์ การกระจายสินค้า และราคา
ภาพที่ 10.2 เป็นระบบโครงสร้างของ ASSESSOR system
สรุป New
Product Planning
กระบวนการตัดสินใจเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่
รวมทั้งการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่
ก่อนที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่บริษัทจะต้องมีการวิเคราะห์ก่อน
บริษัทต้องมีการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ในตลาดเพื่อรักษาความอยู่รอดของบริษัท
รวมทั้งบริษัทจะต้องมีการสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ แต่อย่างไรก็ตามการบริหารจัดการก็มีต้นทุนที่ถูกรวมเข้าไปในการบริหารจัดการด้วย
ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการทำธุรกิจของบริษัทลงได้ สิ่งที่จะช่วยลดความเสี่ยงก็คือ
ทีมงานที่เป็นมืออาชีพ การทำวิจัยทางการตลาด การสร้างแบบจำลอง ซึ่งแบบจำลองที่จะใช้ในการพยากรณ์นั้นมีหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับว่าจะนำมาใช้ในการทำนายการผลิตแบบใด
และการวางแผนแบบใด
วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
องค์ประกอบของผลิตภัณฑ์ (Product Component)
องค์ประกอบของผลิตภัณฑ์ (Product Component)
นักการตลาดจะต้องคำนึงถึงคุณสมบัติเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์
เพื่อมากำหนดลักษณะผลิตภัณฑ์ที่จะตอบสนองความต้องการของตลาด แบ่งออกเป็น
1.ผลิตภัณฑ์หลัก
2.คุณสมบัติผลิตภัณฑ์
3.จุดเด่นของผลิตภัณฑ์
4.ผลประโยชน์ที่ได้รับจากผลิตภัณฑ์
เครื่องมือในการวิเคราะห์ลูกค้า (Customer Analysis)
. เครื่องมือในการวิเคราะห์ลูกค้า
(Customer Analysis)
เครื่องในการวิเคราะห์ลูกค้ามีดังนี้
1.การแบ่งส่วนตลาด
2.เลือกตลาดเป้าหมาย
3.กำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์
ทฤษฎีผู้บริโภค
ทฤษฎีพฤติกรรมผู้บริโภค
ทฤษฎีพฤติกรรมผู้บริโภค
เกิดจากสิ่งกระตุ้นภายนอกได้แก่ สิ่งกระตุ้นทางการตลาด 4P’s(ผลิตภัณฑ์ ราคา สถานที่ การส่งเสริมการขาย) และสิ่งกระตุ้นอื่นๆ ได้แก่
ปัจจัยด้านวัฒนธรรม ปัจจัยด้านสังคม ปัจจัยด้านปัจเจกบุคคล ปัจจัยด้านจิตวิทยา
การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมทางการตลาด
การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมทางการตลาด
การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมทางการตลาด
ประกอบด้วยปัจจัย 2 ส่วนคือ ปัจจัยภายในองค์กร ซึ่งจะใช้ SWOT
ในการวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาสและอุปสรรค ส่วนปัจจัยภายนอกองค์กร
ไม่สามรถควบคุมได้ซึ่งแบ่งเป็นสภาพแวดล้อมทางมหภาคและจุลภาค
การตลาดบริการ (Service Marketing)
การตลาดบริการ (Service
Marketing) คือ
การทำการตลาดให้กับลูกค้ามีลักษณะที่ไม่สามารถมองเห็นหรือจับต้องได้และไม่มีผลในการเป็นเจ้าของ
โดยมีตัวสินค้าเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ก็ได้ โดยลักษณะสำคัญของการบริการมีดังนี้
ไม่สามารถจับต้องได้ ไม่สามารถแบ่งแยกได้ ไม่แน่นอน ไม่สามารถผลิตเก็บเอาไว้ได้
การบริหารลูกค้าสัมพันธ์ CRM
การบริหารลูกค้าสัมพันธ์ (Customer Relationship
Management:CRM) เป็นวิธีการบริหารให้ลูกค้าผูกพันกับองค์กรในระยะยาว
การบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้ามีเครื่องมือ ได้แก่ วิสัยทัศน์ขององค์กร กลยุทธ์
DEAR Model
D – Database
E –Electronic
A-Action
R-Retention
Sale Force การขายโดยพนักงานขาย
Sale Force การขายโดยพนักงานขาย
การขายโดยพนักงานขายเป็นกิจกรรมที่จะนำเสนอสินค้าและบริการไปยังกลุ่มผู้บริโภคโดยตรง
การขายโดยพนักงานขายเป็นการกระบวนการติดต่อสื่อสารสองทาง
พนักงานจึงต้องมีความรู้ความเข้าใจในสินค้าชัดเจน โดยมีปัจจัยในการกำหนดสินค้าทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกองค์กร
พฤติกรรมผู้บริโภค Customer Behavior
พฤติกรรมผู้บริโภค (Customer
Behavior)
พฤติกรรมผู้บริโภค หมายถึง
กระบวนการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับการซื้อ การใช้หรือการบริการต่างๆ
กระบวนการตัดสินใจของผู้บริโภค
1.เล็งเห็นปัญหา
2.แสวงหาข้อมูล
3.ประเมินทางเลือกก่อนซื้อ
4.ตัดสินใจซื้อ
5.ผลหรือการบริโภค
6.ประเมินผลหลังการบริโภค พอใจ
/ไม่พอใจ
วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
การโฆษณา Advertising
การโฆษณา (Advertising)
การโฆษณา หมายถึง
การให้ข้อมูลข่าวสารเพื่อจูงใจผู้บริโภค ซึ่งมีลักษณะ คือสื่อสารให้ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตามโฆษณา
เป็นการจูงใจโดยบอกประโยชน์ของสินค้า นำเสนอผ่านสื่อต่างๆ
นำเสนอสินค้าจูงใจให้ลูกค้าเกิดทัศนคติที่ดีกับสินค้า
Promotion การส่งเสริมการขาย
Promotion
การส่งเสริมการขาย
มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นยอดขายของกิจการ
การส่งเสริมการขาย หมายถึง
การติดต่อสื่อสารระหว่างลูกค้าและกิจการ โดยอาศัยเครื่องมือในการสื่อสาร ดังนี้
1.การโฆษณา
2.การส่งเสริมการขาย
3.การขายโดยใช้พนักงานขาย
4.การให้ข่าว และประชาสัมพันธ์
5.การตลาดทางตรง
Internet Marketing/ e-Marketing
Internet Marketing/
e-Marketing
Internet Marketing คือการนำเอาความคิดสร้างสรรค์และเทคนิคทางอินเตอร์เน็ตมาใช้ร่วมกัน
เพื่อเพิ่มช่องทางการขายสินค้า
ความคิดของการสื่อสารทางการตลาดออนไลน์
มีดังนี้
1.โฆษณาออนไลน์
2.การสื่อสารความสัมพันธ์ออนไลน์
3.การสื่อสารโต้ตอบออนไลน์
4.การประชาสัมพันธ์ออนไลน์
5.การสื่อสารเคลื่อนที่
การเข้าถึงลูกค้าแบบหลายช่องทาง Muti Channel Approach
การเข้าถึงลูกค้าแบบหลายช่องทาง
Muti
Channel Approac
เป็นกลยุทธ์ในการมุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้า
เพื่อหเกิดการเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น
โดยมีหลายวิธี เช่น Brick เป็นช่องทางร้านค้า ,Click เป็นการซื้อผ่านอินเตอร์เน็ต ,Flip
เป็นการซื้อผ่านแคตตาล็อค
Customer Base Brand Equity Theory ทฤษฎีมูลค่าแบรนด์ในมุมมองของลูกค้า
Customer Base Brand Equity Theory ทฤษฎีมูลค่าแบรนด์ในมุมมองของลูกค้า
ประกอบด้วย
1.การวางแผนการสร้าง Brand
Equity จะต้องเกิดเอกลักษณ์/อัตลักษณ์ของธุรกิจ
2.การปฏิบัติการในการสื่อสาร Brand จากธุรกิจไปยังลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
3.การประเมินผล
ความสำเร็จจากการบริหารจัดการBrand
กลยุทธ์ทางการตลาด
กลยุทธ์ทางการตลาด
(Marketing
Strategy)
เครื่องมือทางการตลาดที่นำมาใช้กำหนดกลยุทธ์ทางการตลาด
เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ทาง
การตลาด ได้แก่ 4P’s
1.Product
เป็นผลิตภัณฑ์ของธุรกิจ ที่ต้องมีจุดเด่นเพื่อให้ลูกค้ารับรู้และมีคุณค่ามากกว่าคู่แข่ง ขันเพื่อให้การทำตลาดผลิตภัณฑ์นั้นประสบความสำเร็จ
2.Price การกำหนดราคาต้องดูว่าระดับราคาใดที่ลูกค้ายอมจ่าย
กลุ่มเป้าหมายที่จะซื้อ
3.Place สถานที่จะต้องเลือกให้เหมาะสมกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
เพื่อที่ลูกค้าจะได้ซื้อสินค้าได้ตามความต้องการิสนค้าและบริการ
4.Promotion การส่งเสริมการขาย จะช่วยให้สินค้าเป็นที่รู้จักเมื่อวางจำหน่ายสินค้า
เพื่อเป็นการกระตุ้นลูกค้าให้มาสนใจสินค้าเรามากขึ้น
Price การกำหนดราคา
การกำหนดราคา (Price)
ราคา คือ
จำนวนเงินที่ใช้แลกเปลี่ยนกับมูลค่าของผลิตภัณฑ์
การปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการกำนดราคา
มีทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก เช่น ต้นทุนของผลิตภัณฑ์ ตลาด
ความต้องการของลูกค้า ภาวะการแข่งขัน กฎหมาย
ขั้นตอนการกำหนดราคา มีดังนี้
1.วัตถุประสงค์ในการตั้งราคา
2.การคาดคะเนปริมาณความต้องการซื้อ
3.การคาดคะเนต้นทุน
4.การวิเคราะห์ต้นทุน
ราคา คู่แข่ง
5.
การเลือกวิธีตั้งราคา
6.การตัดสินใจเลือกราคาขั้นสุดท้าย
กลยุทธ์การกำหนดราคาผลิตภัณฑ์ใหม่
1.การกำหนดราคาเริ่มแรกสูง
2.การกำหนดราคาเพื่อเจาะตลาด
(ราคาเริ่มแรกต่ำ)
Product ผลิตภัณฑ์
ผลิตภัณฑ์
(Product) หมายถึง สิ่งที่นักการตลาดนำเสนอสู่ตลาด เพื่อสนองความต้องการของ
ผู้บริโภค ผลิตภัณฑ์ จำแนกได้ 2
แบบ
1.สินค้าอุปโภคบริโภค เป็นสินค้าสะดวกซื้อ เปรียเทียบการซื้อ
เจาะจงซื้อ และไม่แสวงหาการ
ซื้อ
2.สินค้าอุตสาหกรรม
เป็นสินค้าประเภทวัตถุดิบ สินค้าประเภททุน สินค้าวัสดุสิ้นเปลือง
ส่วนประสมของผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วย
1.ความกว้างของสายผลิตภัณฑ์
2.ความยาวของสายผลิตภัณฑ์
3.ความลึกของสายผลิตภัณฑ์
4.ความสอดคล้องของสายผลิตภัณฑ์
Distribution การกระจายสินค้า
การกระจายสินค้า
Distribution หมายถึง ระดับการจัดหาผลิตภัณฑ์ที่ต้องการซึ่งระดับ
ความสำคัญขึ้นกับปัจจัยต่างๆ เช่น
ความสามารถในการผลิตสินค้า ขนาดของตลาดเป้าหมาย ราคา
จำนวนความต้องการของผู้บริโภค
ระดับของการกระจายสินค้ามีดังนี้
1.Exclusive Distribution
มีผู้ขายส่ง 1 ราย ผู้ขายปลีกอยู่ในสภานที่เฉพาะ
2.Intensive Distribution
เป็นการหาตลาดในการระบายสินค้า สำหรับหลายผลิตภัณฑ์ มีการขายโดยตรง
เช่น บุหรี่
3.Selecttive Distribution
ผู้ผลิตมีทางระบายสินค้าในพื้นที่นั้นจำนวนหนึ่ง
New Product Development
การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่
(New
Product Development)
ผลิตภัณฑ์ใหม่
หมายถึง สินค้าหรือบริการ หรือความคิดที่ได้รับการปรับปรุงจากผลิตภัณฑ์เดิมให้มีคุณสมบัติดีขึ้น
ประเภทของผลิตภัณฑ์ใหม่
1.ผลิตภัณฑ์นวัตกรรม
2.ผลิตภัณฑ์ปรับปรุงใหม่
3.ผลิตภัณฑ์เลียนแบบ
แนวคิดของผลิตภัณฑ์ใหม่มาจาก
1.ความต้องการของลูกค้า
2.ผู้ออกแบบ
3.ผลิตภัณฑ์ของคู่แข่ง
4.พนักงานขาย
5.ผู้บริหาร
องค์ประกอบของผลิตภัณฑ์ Product Component
องค์ประกอบของผลิตภัณฑ์
Product
Component
องค์ประกอบของผลิตภัณฑ์
แบ่งเป็น 5 ระดับ
1.ผลิตภัณฑ์หลัก
2.รูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์
3.ผลิตภัณฑ์คาดหวัง
4.ผลิตภัณฑ์ควบ
5.ศักยภาพของผลิตภัณฑ์
Product (Marketing Model) โดยคุณนัสทยา
Product (Mareting Model) คุณนัสทยา-นัส วันที่ 16 พ.ย.2556
ผลิตภัณฑ์ หมายถึง สิ่งอะไรก็แล้วแต่ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
ประเภทของผลิตภัณฑ์
1.อายุการใช้งาน
2.ผลิตภัณฑ์ที่จับต้องได้และจับต้องไม่ได้
3.ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค
ระดับของผลิตภัณฑ์
เป็นสิ่งที่นำเสนอแก่ตลาด แบ่งได้ดังนี้
1.ผลิตภัณฑ์หลัก เป็นประโยขน์พื้นฐานที่ผู้บริโภคได้รับจากสินค้านั้นโดยตรง
2.รูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์
ผู้บริโภคสามารถสัมผัส หรือรับรู้ได้ ประกอบด้วย คุณภาพ รูปร่าง
ลักษณะ
การออกแบบ บรรจุภัณฑ์ ชื่อตราสินค้า
3.ผลิตภัณฑ์ควบ
ประโยชน์เพิ่มเติมที่ผู้ซื้อได้รับจากการซื้อสินค้านั้น เช่น การให้บริการติดตั้ง
การขนส่ง
การรับประกัน การให้สินเชื่อ
พฤติกรรมผู้บริโภค
พฤิตกรรมผู้บริโภค
การที่จะเข้าใจพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค
จะต้องศึกษาโมเดลสิ่งกระตุ้นและการตอบสนอง (Stimulus-Response Model) โดยผู้บริโภคได้รับสิ่งกระตุ้นจากภายนอก ได้แก่
สิ่งกระตุ้นทางการตลาด เช่น ผลติภัณฑ์ ราคา สถานที่ และการส่งเสริมการขาย
และสิ่งกระตุ้นอื่นๆ ได้แก่ สิ่งแวดล้อมด้านมหภาค เช่นเศรษฐกิจ เทคโนโลยี การเมือง
ซึ่งสิ่งกระตุ้นเหล่านี้จะไปกระทบความรู้สึกของผู้บริโภค คือลักษณะของผู้บริโภค
ขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านสังคม วัฒนธรรม ปัจจัยด้านจิตวิทยา ปัจจัยส่วนบุคคล
และเกิดกระบวนการตัดสินใจซื้อ เกิดจาก การรับรู้ปัญหา การค้นหาข้อมูล การประเมินทางเลือก
และพฤติกรรมหลังการซื้อ เมื่อผ่านกระบวนการตัดสินใจซื้อแล้วผู้บริโภคจะมีการตอบสนอง
คือ เลือกผลิตภัณฑ์ที่จะซื้อ เลือกตราสินค้าที่จะซื้อ เลือกร้านที่จะซื้อ
เวลาที่จะซื้อ ปริมาณที่จะซื้อ
วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
เครื่องมือในการวิเคราะห์ลูกค้า (STP)
เครื่องมือในการวิเคราะห์ลูกค้า
(Segmentation
Targeting Positioning) ประกอบด้วย
1 1. การแบ่งส่วนตลาด
2 2. การเลือกตลาดเป้าหมาย
3 3. การกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์
การแบ่งส่วนตลาด
จะแบ่งได้ดังนี้
1.ตลาดผู้บริโภค จะแบ่งตามลักษณะภูมิศาสตร์ ลักษณะประชากรศาสตร์
ตามหลักจิตวิทยา และตามพฤติกรรม
2.ตลาดอุตสาหกรรม แบ่งตามทำเลที่ตั้ง
ประเภทลูกค้า และสภาพการซื้อขาย
การเลือกตลาดเป้าหมาย
(Targeting)
1.กลยุทธ์ตลาดรวม
2.กลยุทธ์ตลาดหลายส่วน
3.กลยุทธ์เฉพาะตลาดส่วนเดียว
การกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์
(Positoning) เป็นการกำหนดตำแหน่งของผลิตภัณฑ์ขององค์กรว่าอยู่ตำแหน่งใดในตลาด
เช่น กำหนดตามราคา กำหนดเพื่อการแข่งขัน
Marketing Management
Marketing
Management
การจัดการการตลาด
(Marketing
Management) หมายถึงกระบวนการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับการวางแผน
การปฎิบัติการ และการควบคุมกิจกรรมต่างๆ ที่ทำให้ธุรกิจบรรลุเป้าหมาย
ขั้นตอนการวางแผน
(Planning)
1.วิเคราะห์ SWOT
2.กำหนดพันธกิจ
วัตถุประสงค์ เป้าหมายของตลาด
3.กำหนดกลยุทธ์การตลาด
โดยใช้เครื่องมือ STP ในการวิเคราะห์ลูกค้า
4.ต้องมีการออกแบบองค์กรให้เหมาะสม
ขั้นตอนการปฎิบัติงาน
1.ดำเนินงานตามแผนที่วางไว้
2.ประเมินผลการดำเนินงาน
สิ่งแวดล้อมทางการตลาด
สิ่งแวดล้อมทางการตลาด
(Marketing
Environment)
สิ่งแวดล้อมทางการตลาด
แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1.สิ่งแวดล้อมที่ควบคุมไม่ได้ เป็นสิ่งแวดล้อมภายนอก แบ่งออกเป็น
มหภาค มี 7 ตัวแปร และจุลภาค มี 3 ตัวแปร
2.สิ่งแวดล้อมที่ควบคุมได้ เป็นสิ่งแวดล้อมภายใน ได้แก่ ปัจจัยทางการตลาดวัดได้จาก
4P’s หรือ 7P’s และปัจจัยอื่นๆ
Gap Model 2
Gap
Model
หลังจากที่ได้ฟังบรรยายจากท่านอาจารย์ผศ.ดร.วิชิต
อู่อ้น ทำให้เข้าใจ Gap Model มากขึ้นสรุปได้ดังนี้
Gap1 การวิเคราะห์ความคาดหวังของลูกค้า
ซึ่งลูกค้าเกิดความคาดหวังโดย การบอกต่อ
Gap2 เกิดภายในธุรกิจโดยนักการตลาด
โดยจะแปลความคาดหวังของลูกค้าเป็นสิ่งที่จับต้องได้
Gap3 เมื่อนักการตลาดแปลความต้องการของลูกค้าแล้ว
รูปแบบในการส่งมอบบริการก็จะต้องมีคุณภาพต้องมีการบริการก่อนและหลังการขาย
Gap4 การบริการให้กับลูกค้า ต้องมีการติดตามลูกค้าหลังให้บริการไปแล้วอย่างต่อเนื่อง
Gap5 สิ่งที่ลูกค้าคาดหวังกับสิ่งที่ได้รับ
เกิดจากความสัมพันธ์ที่ลูกค้าคาดหวังกับสิ่งที่ได้รับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)